เกมการแข่งขันฟุตบอลโลกระหว่างยอดทีมขวัญใจมหาชนชาวไทย ที่เรียกได้ว่า เดินมาสิบคนเชชียร์ทีมนี้สักเก้าคนแน่นอน อย่างอังกฤษ ที่ปีนี้มาสวยงาม มีโอกาสจะทำเรื่องที่ฝันไว้เป็นจริงคือ ก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก ให้ได้ในรอบ
แรกตั้งแต่แฟนบอลไทยเกือบทุกคนยังไม่ทันจะได้เห็นการได้แชมป์ ฟุตบอลโลก ของพวกเค้าเป็นบุญตาเหมือนในปี 1966 อีกเลย พวกเค้าผ่านรอบแรกมาได้แบบเรียกได้ว่า สบายหัวเกือกมากๆ ไม่ได้ทันจะออกเหงื่อด้วยซ้ำ เพราะว่าได้อยู่ร่วมกลุ่มกับทีมขนาดเล็กๆ และคุณภาพไม่สูงมากทั้งนั้น อย่าง ตูนีเซีย และ ปานามา ประมาณว่าแฟนบอลบอกว่าสบายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ก็เลยไล่ถล่มทีมเล็กๆไปหลายเม็ดเหมือนกัน แต่ก็พลาดท่าตอนมาเจอทีมเบลเยี่ยมของจริงทำให้ได้เข้ารอบเป็นอันดับสองไปเจอโคลัมเบีย แต่ก็ผ่านรอบนั้นมาได้แบบเกือบตายคนละเรื่อง เพราะว่าเสมอกันจนต้องยิงจุดโทษแล้วก็อาศัยมีดวงมากกว่า เอาชนะผ่านโคลัมเบียมาเข้ารอบต่อไปได้อย่างที่เห็น เกมนี้พวกเค้าจึงเรียกว่ามีหลายอย่างให้พิสูจน์อีกมาก ส่วนทางด้านสวีเดนนั้น เรียกได้ว่าออกตัวไม่สวยเท่าไหร่ แต่มาเร่งเครื่องภายหลังจนเข้ารอบมาเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มได้ในที่สุด ฟอร์มการเล่นก็ตามเรื่องตามราว ไม่ได้โดดเด่น จี้ดจ้าดมาก ยิงประตูไม่ได้มากมายสวยงาม เกมรับก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป ประมาณเรียกได้ว่ายังไม่แน่ใจว่าอนาคตจะไปไกลเท่าไหร่ แต่มีจุดเด่นที่ความเก๋าและประสบการณ์พวกเค้าเอาชนะสวิสมาได้เข้ารอบแบบไม่ได้โดดเด่นเหมือนกัน เกมนี้จึงเรียกได้ว่าทั้งสองทีมควรจะไปปต่อให้ได้เมื่อระดบเดียวกันมาเจอกันนั่นเอง เกมจะเป็นอย่างไรให้เราไปดูรีวิวกันเลยครับ
วิเคราะห์แทคติก
ในเกมนี้เรียกได้ว่า อังกฤษก่อนที่ปรับทับ ให้เกมการเล่นมีความเน้นรุกมากขึ้นหน่อย เมื่อแผนการเล่นเดิมๆ แต่ว่าเน้นให้ฝั่งทางด้านข้างเน้นเติมเกมบ่อยๆ และให้แบ็คทั้งสองข้างดันขึ้นมาเปิดบอล หรือ ครอสบอลจากกราบซ้ายและขวาบ่อยขึ้น และให้แฮรรี่ เคน กองหน้าตัวเป้า เป็นตัวจบสกอร์ดาวซัลโวสูงสุดของ ฟุตบอลโลก ในตอนนี้เป็นความหวังสูงสุดของทีม เพราะยิงไปมากมาย แม้ว่าจะโดนแฟนบอลบางกลุ่มค่อนขอดว่า ยิงได้แค่จุดโทษกับลูกนิ่ง แถมทั้งทีมผู้ดีอังกฤษ ก็โดนครหามาตั้งแต่รอบแรกเช่นกันว่า เล่นเป็นแต่ลูกตั้งแตะ และลูกโยนยาวสไตล์โบราณ ไม่สวยงาม และไม่ค่อยน่าดู เกมนี้เลยหวังจะพิสูจน์คำครหานี้ให้ได้นั่นเอง ส่วนทางด้านสวีเดนนั้น พวกเค้ายังยึดกับทีมชุดเดิมเช่นกัน เพราะว่าพวกเค้าขาดแคลนตัวสำรอง ที่มีระดับเดียวกันคุณภาพเหมือน 111 ตัวจริง ที่จะลงมาพลิกเกมได้ทุกเมื่อ และจะสร้างอะไรบางอย่างทดแทนเมื่อต้องเปลี่ยนตัว นั่นทำให้ พวกเค้าต้องหมายพึ่ง ฟอร์สเบิร์ก และทอยโวเน่น และเบิร์กเหมือนเดิมในการเล่นกับอังกฤษ เมื่อปิดเกมมาก็เป็นไปตามคาด เพราะว่าอังกฤษครองบอลได้มากกว่า และตั้งใจที่โยนยาวใส่สวีเดนจริงจังมาก แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้มาก เพราะว่าทางไวกิ้งสวีเดนเองก็ไม่ได้อ่อนด้อย หรือไม่เป็นเกมเรื่องกลางอากาศซะขนาดนั้น จึงทำให้เกมนี้กลายมาเป็นเหมือนสงครามการสาดบอลยาวใส่กัน เมื่ออังกฤษ ให้ ทริปปิเย่ร์ และ แอชลี่ ยัง ผลัดกันครอสบอลจากกราบซ้ายทีขวาที สวีเดนก็มี กรานควิสต์ คอยเก็บกวาดและโหม่วงสกัดออกมาได้ทุกที แต่แล้วกลับมาจังหวะเตะมุมทีเดียวที่ แฮรรี แมคไกวร์ กองหลังตัวกลางของอังกฤษเติมขึ้นมาเล่นเตะมุม และโหม่งเข้าไปเสียบตาข่ายให้ขึ้นนำ มาถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าสวีเดนชักจะอยู่ไม่ติดแล้ว ต้องไม่ตั้งรับอย่างเดียว แต่ออกจากแดนตัวเองเพื่อบุกมากขึ้นเช่นกัน ตอนนี้เกมเลยแลกหมัดกันสูสี และแลกหมัดกันแล้ว ทางสวีเดนนั้นขาดการสร้างเกมแดนกลางมาก เพราะว่ากองกลางตัวรับและรุกนั้น ยืนในแบบ 4-4-2 มีลาร์สสัน และ เอ็คดาล เพียงสองคน แถมเป็นนักเตะระดับ B ทั้งคู่ ทำให้กองกลางอังกฤษที่บางครั้ง ยืนกันแบบ 5 คน รุมโต๊ะแย่งบอล และเหนือกว่าอย่างชัดเจน จนทางสวีเดนแทบจะไม่ได้ทำเกมเลย และในที่สุดอังกฤษก็ได้อีกลูกจากลูกโหม่งอีกแล้วตอนทีเผลอจาก เดลลี่ อัลลี่ ทำให้ฝังสวีเดน 2-0 ไปเลย หลังจากนั้นไวกิ้งสวีเดน ก็ไม่มีโอกาสกลับมาสู่เกมอีกเลย เพราะว่าพวกเค้าจะเปลี่ยนตัวสำรองคนไหนลงมา หรือจะตำแหน่งไกนก็ตามก็ล้วนแล้วแต่ธรรมดา และไร้ชื่อเสียงเรียงนามทั้งนั้น ทำให้ไม่มีปาฎิหารย์เหลือตกรอบไปในที่สุด แสดงว่า ปีนี้ ฟุตบอลโลก กำลังเปิดประตูกว้างให้กับ ทีมอังกฤษอย่างเหลือเชื่อ เพราะว่าพวกเค้าไม่เจอคู่แข่งหนักอะไร ไปจนถึงเกมหน้าเช่นกัน ตอนนี้กำลังลุ้นว่าพวกเค้าจะได้ไปไกลถึงนัดชิงชนะเลิศหรือไม่นั่นเอง