เกมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบตัดเชือก เข้ามาสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งมีอีกคู่แล้ว ของรอบนี้ ที่ต้องบังเอิญมาพบเจอกันของทีม ระดับใหญ่และบิ๊กมากๆ และยังเป็นทีมที่มีสิทธิจะคว้าแชมป์ในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก รอบนี้แน่นอนถ้าได้
เปลี่ยนเป็นนัดชิง อย่างไรก็ตามเห็นแล้วว่า เมื่อหนีกันไม่พ้น ก็ต้องมาเตะกันเต็มที่ และปล่อยของกันให้สุดๆ เพราะว่าทีมหนึ่งคือยอดทีมระดับโลก ที่เป็นตัวเก็งหมายเลขหนึ่งของการแข่งขันครั้งนี้อย่างบราซิล ที่เข้ารอบตัดเชือกมาแบบค่อนข้างสบาย แต่ไม่วายต้องมาเจอกับเบลเยี่ยมที่เล่นดีพอๆกัน แถมยังมีแรงหนุนอย่างดี เพราะว่าชนะรวดมาตลอดด้วย ทำให้นักเตะทุกคนมั่นใจมากๆตอนนี้ และสำหรับตัวเบลเยี่ยมเองก็เช่นกัน พวกเค้าได้ก้าวเข้ามาเป็นเต็งตัวต้นๆของการแข่งขันฟุตบอลโลก นี้เช่นกัน เนื่องจากการมีจอมทัพ ที่เป็นวัยรุ่นและยังเป็นนักเตะที่กำลังจะก้าวไปสู่หัวแถม ถ้าหากบราซิลมีเนย์มาร์ หรือ คูติญโญ่ แล้วล่ะก็ เบลเยี่ยมก็มี เอแด็ง อาร์ซาร์ และ เควิน เดอ บรอยน์ ที่ตอนนี้เรียกได้ว่าทัดเทียมกันบนสนามแน่นอน นอกจากนั้นแล้ว ทั้งสองทีมก็ยังมีกุนซือที่มีความสามารถพอๆกันด้วย โดยทางด้านบราซิลใช้เตเต้ ที่แม้ว่าจะไม่ค่อยคุ้นหูแฟนบอลชาวไทยบ้านเรา แต่ต้องเรียกว่า มีประสบการณ์สูงพอควรเลยทีเดียว และทางด้านเบลเยี่ยมนั้น ไม่ใช่ใครอื่นเลย โรแบร์โต้ มาร์ติเนซนั่นเอง ที่เคยพาเชลซีคว้าแชมป์บอลยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก มาอย่างตกตะลงทั้งโลกมาแล้ว ด้านการวางแผนแก้เกมเค้าไม่เป็นรองบใครแน่นอน เกมจะเป็นอย่างไรให้เราไปดูรีวิวกันเลยครับ
วิเคราะห์แทคติก
ในเกมนี้ เบลเยี่ยมจัดทัพเต็มสูบด้วยแผนการเล่น 4-2-3-1 เน้นเกมบุกแน่นอนด้วย การใช้กองกลางรุกทั้ง 3 อย่างอาร์ซาร์ด กับ มาร์เทน เป็นปีก และมีเดอร์ บรอยน์ เป็นจอมทัพ และยังแถมให้มี ชาดลี่ ลงทางซ้ายของสนามด้วย ทำให้มีความสมดุลอย่างมาก เพราะมีตัวรุก ที่ทำทางประสานงานป้อนให้ ลูกากูเป็นกองหน้าตัวเป้าคนเดียว ทั้ง 4 คนนี้ยิงรวมกันเกือบสิบประตูในเกมรอบแรกมาแล้ว ส่วนในแดนหลังนั้น ทั้งแผงมีเปลี่ยนตำแหน่งเดียวคือ มีกัปตันทีมที่ไม่ได้ลงเล่นมาเลย อย่างกอมปานี กลับมายืนคุมใส่ปอกแขนกัปตันด้วย ทำให้น่ากลัวสุดๆ แต่เมื่อเล่นไปเรื่อยๆแล้ว คนที่เด่นที่สุดจริงๆ กลับเป็น กองกลางตัวตัดเกม และคนสกรีนแนวรับ คือ วิตเซล และ เฟลลานี่ ที่ต่างใช้ความสูงใหญ่ ไม่นับทรงผมที่ฟูบวมเข้าไปอีก ทำให้ ร่างกายที่แข่งแกร่ง และสูง แย่งลูกโด่งกลางอากาศได้ทั้งหมด แถมยัง เข้าสกัด ป้องกันการบุกของบราซิลได้อย่างหมดจด ทำให้รูปเกมออกมานั้น บราซิลบุกมากในเขตฝั่งแดนกลางและหลัง แต่ว่าเบลเยี่ยมกลับยิงได้มากกว่า เรียกว่าเวลาสวนเข้ามา ยิงเอายิงเอาเลย ดาหน้าบุกมาก็ได้ยิงตลอด เพราะว่ากองกลางตัดเกมไม่ได้เลย เมื่อมีคาซมิเนโร่คนเดียวเล่นเกมรับ ส่วนทางบราซิลนั้น เรียกใช้เฟอนานดิญโญ่ ที่มาเล่นเป็นตัวกลางตัดเกม ข้างกับคาซมิเนโร่ และ เปาลิญโญ่ แต่กลับเล่นได้ไม่ดีเหมือนตอนอยู่กับสโมสรแมน ซิตี้ของตัวเอง ที่โดดเด่นมาก เพราะว่า ในฟุตบอลโลก หนนี้เค้าค่อนข้างช้าลง และไม่มีความไวในการไปต่อกรกลับกองกลางอายุน้อยกว่าหลายคน เท่านั้นไม่พอ ในการเล่นเตะมุมนั้นเค้าเข้าโหม่งช้ามาก จนทำให้ คอมปานี ชิงตัดหน้าโหม่งแฉลบตัวเองเข้าประตูตัวเองไปเลย บราซิลเสียเปรียบทันที และรูปเกมหลังจากนั้น ก็กลายเป็นเบลเยี่ยมปล่อยให้บราซิลบุกมากกว่าตลอด เพราะพวกเค้าคอยสวนกลับเร็วอย่างเดียว เพราะว่านักเตะ ที่มีความเร็วอายุน้อย มีแรงจนท้ายเกมตลอด ความสามารถเฉพาะตัวของพวกเค้า ทั้งอาร์ซาร์ และ ลูกากู กัลป์ เดอ บรอยน์ ต่างก็สนุกกับพื้นที่มากมายที่เปิดให้ และไม่มีคนถอยกลับมาตามเล่นเกมรับมากเลย จนท้ายเกมก็โดนจนได้เมื่อลูกากูได้บอลสวนกลับเร็วเลีล้ยงหลบคนเดียว เกือบเต็มสนาม และผ่านบอลอย่างสวยงามไปให้ เดอ บรอยน์ ลากเข้ามายิงแทยงมุมจากนอกกรอบสวยงามมาก เรียกได้ว่าเป็นลูกถนัดที่เค้ายิงคมกริบ เห็นบ่อยๆด้วย จบเกมทำให้ บราซิลแพ้ไป 2-0 ตกรอบไปอย่างพลิกล็อก และเรียกได้ว่าบราซิลมาสุดทางแค่นี้จริงๆ เพราะว่าถึงแม้พวกเค้าจะมีโอกาสตีเสมอ แต่ไม่มีความคมเลย และยังไม่มีจิตใจสู้เหมือนชุดก่อนๆด้วย แถมบางคนยังสะใจที่จอมพุ่งล้มอย่างเนย์มาร์ ตกรอบ แฟนบอลขาแช่งจึงยิ้มร่ากันไป ส่วนทางเบลเยี่ยมนั้นเรียกได้ว่าศักดิ์ศรี ราศีจับขึ้นเรื่อยๆ พวกเค้าจะไปไกลแค่ไหนเราสรุปได้ว่าสตาร์ล้นทีมแบบเบลเยี่ยมปีนี้ก็อาจจะไปไกลถึงขั้นแชมป์ฟุตบอลโลกก็ได้