เกมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบตัดเชืองรอบนี้ระหว่างยอดทีมขวัญใจคนไทยบางกลุ่มอย่างญี่ปุ่น ซึ่งไม่ได้เป็นตัวเก็งที่มีสิทธิ์จะคว้าแชมป์โลกในฟุตบอลโลกครั้งนี้ใดๆเลย แต่ตอนนี้กลายเป็นทีมที่ได้ใจคนชมมากมายทั่วโลกไปแล้ว หลังจากการแข่งขันรอบแรก ที่เล่นอย่างสวยงาม จิตใจห้าวหาร และมีวิญญาณของซามูไรในทุกเกมจน เข้ารอบมาอย่างหักปากกาเซียนได้ แม้จะอาศัยกฎการเล่นแบบสะอาดได้เปรียบเข้ามาอย่างเหลือเชื่อหลังจากที่แต้มและทุกอย่างเท่ากันกับเซเนกัล เท่านั้นไม่พอ แฟนบอลปลาดิบก็ยังได้ใจคนชมทางบ้านไปด้วยหลังจากมีข่าวที่พวกเค้าช่วยกันเก็บขยะหลังทีมแข่งเสร็จในรัสเซียทุกเกมจนเป็นมารยาทที่ทั่วโลกชื่อชมเลียนแบบกัน ส่วนทางด้านเบลเยี่ยมนั้น เข้ารอบมาได้นั้นค่อนข้างเรียกว่าฉลุยจริงๆ เพราะว่าชนะรวด 3 เกม 9แต้มเต็มยิงเป็นกอบเป็นกำและราศรีแชมป์จับทันทีหลังชนะอังกฤษได้แชมป์กลุ่มมาในเกมสุดท้ายด้วย เกมจะเป็นอย่างไรให้เราไปดูรีวิวกันเลยครับ
วิเคราะห์แทคติก
ในเกมนี้ เบลเยี่ยมจัดทัพเต็มสูบด้วยแผนการเล่น 4-2-3-1 เน้นเกมบุกแน่นอนด้วย การใช้กองกลางรุกทั้ง 3 อย่างอาร์ซาร์ด กับ มาร์เทน เป็นปีก และมีเดอร์ บรอยน์ เป็นจอมทัพ ที่ทำทางประสานงานป้อนให้ ลูกากูเป็นกองหน้าตัวเป้าคนเดียว ทั้ง 4 คนนี้ยิงรวมกันเกือบสิบประตูในเกมรอบแรกมาแล้ว ส่วนในแดนหลังนั้น ทั้งแผงมีเปลี่ยนตำแหน่งเดียวคือ มีกัปตันทีมที่ไม่ได้ลงเล่นมาเลย อย่างกอมปานี กลับมายืนคุมใส่ปอกแขนกัปตันด้วย ทำให้น่ากลัวสุดๆ ส่วนทางด้านญี่ปุ่นมาในแผนเดียวกัน และเล่นชุดเดิมเต็มทีมเหมือนเดิม หลังจากที่พักไว้หลายคนในเกมรอบแรกนัดสุดท้าย โดยความหวังยังฝากไว้ที่ อินุอิทางกราบซ้าย และโอซากุในแดนหน้าเป้า ส่วนการทำเกมของเกมนี้เปิดมาไม่นานสูสีมาก เพราะว่าญี่ปุ่นเตรียมตัวมาดีมาก สามารถใช้กองกลางตัวรับ 2 คน หยุดตัวทำเกมทั้ง 3 ของเบลเยี่ยมอย่างดี และแม้ว่าลูกากูจะตัวใหญ่แค่ไหน กองหลังญี่ปุ่นที่ตัวเล็กกว่าก็ยังรวมพลังกันสกัดกั้นได้ดี ด้วยการรุมกินโต๊ะ และกระโดดทับแย่งโหม่งไปหลายหน เรียกได้ว่ายอมกับใจเค้าเลย ไม่เพียงเท่านั้น ญี่ปุ่นมาด้วยแผนสวนกลับเร็วยิงทีเดียว 2 ลูกนำก่อนช๊อคไปเลย แต่ด้วยความเป็นทีมที่รวมตัวกันของ Golden Generation ที่ร้อยปีจะมียอดฝีมือแบบนีหน เบลเยียมสามารถเคี่ยวจนไล่ตีเสมอจากความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะที่แต่ละลูกล้วนแต่จนปัญญาที่ญี่ปุ่นจะป้องกันได้ทั้งนั้นจนโดนแซงนาทีสุดท้ายรวด 3-2 แพ้ไปแบบบสุดมันส์ เราสรุปได้ว่าสตาร์ล้นทีมแบบเบลเยี่ยมปีนี้ก็อาจจะไปไกลถึงขั้นแชมป์ฟุตบอลโลกก็ได้