เกมการแข่งขันระหว่างฟุตบอลโลกระหว่างยอดทีมขวัญใจมหาชนคนไทยหมายเลข 1 อย่างอังกฤษ ซึ่งหลายคนยกให้เป็นตัวเก็งที่มีสิทธิ์จะคว้าแชมป์โลกในฟุตบอลโลกครั้งนี้อันดับต้นๆ แบบไม่เต็มใจเท่าไหร่ เพราะว่าเกมในรอบแบ่งกลุ่มนั้นช่างง่าย และเจอทีมที่ไม่แข็งเหลือเกิน จนเข้ารอบมาแบบง่ายๆ แต่ก็ยังอุตส่าแพ้เบลเยี่ยมในเกมที่เจอทีมแข็งอีก ดังนั้น ตัวเต็งในตอนนี้ในใจของหลายคนยัง ไม่ได้รับการตอบคำถามยืนยันเลยว่าของจริงหรือไม่ เกมนี้ต้องมาเจอกกันกับ โคลัมเบีย ที่คว้าแชมป์กลุ่มมาได้แบบเซงหน้าคนอื่นในสองเกมสุดท้ายแบบลมจะจับได้ ทำให้จากทีมที่น่าผิดหวัง กลายเป็นทีมที่น่าจับตามองทันที แม้ว่า จะมีเกมการเล่นที่ธรรมดา และไม่ได้โดดเด่นทั้งรับและรุก แต่ก็ยังมีนักเตะชื่อชั้นสูงที่คอยสร้างสีสรรค์ให้ทีมได้เรื่อยๆอยู่ ดังนั้น เกมนี้น่าสนใจที่ความสามารถทีมบนกระดาษจะพอๆกัน และโอกาสเรียกว่า 50/50 มากๆ ใครจะได้เข้ารอบฟุตบอลโลกต่อไป เกมจะเป็นอย่างไรให้เราไปดูรีวิวกันเลยครับ
วิเคราะห์แทคติก
ในเกมนี้ อังกฤษ จัดทัพเรียกตัวจริงกลับมาประจำการหมด 4-2-3-1 เน้นเกมบุกแน่นอนด้วย การใช้ปีกที่มีความเร็วอย่าง ราฮีม เสตอรีง ลงมาก่อกวนด้วยความเร็วของเค้าทางกราบด้านข้าง และให้กองหน้าตัวเป้าที่ยิงไปเยอะในรอบแรก แต่เป็นจุดโทษซะมากกว่า อย่าง แฮรรี่ เคน นำทัพ และถือกันว่าเป็นความหวังสูงสุดของทีมในตอนนี้ ด้วยความั่นใจที่กำลังมาเต็มที่ของเค้า ส่วน กองกลางทั้ง 3 มีจอร์แดน เฮนเดอร์สันเป็นลูกหาบเกมรับ และให้ อัลลี่ ทำเกม ส่วนกองหลังนั้นมีการพูดถึง แมคไกว์ในฐานะตัวเด่นปีนี้ในตำแหน่งกองหลังตัวกลางมาก เพราะว่าเพิ่งจะติดทีมชาติได้ไม่นานเต่แข็งแกร่งโดดเด่นพอสมควร ส่วนทางด้านโคลัมเบียนั้น ยังมีทีเด็ดเป็นฟัลเกาที่ยิงไปได้ไม่เยอะเท่าไรในกากรแข่งขัน ฟุตบอลโลก ปีนี้รอบแรก แต่ก็ยังมีความหวังกับเค้ามาก ส่วนที่เสียดายคือ จอมทัพ จากรีอัลมาดริด มาจากเสปน อย่าง เจมส์ โรดดิเกวส ที่ต้องเจออาการบาดเจ็บ อย่างโชคร้ายทำให้เกมนี้เค้าต้องเชียร์จากข้างสนามเท่านั้น เกมที่ออกมาจึงทำให้อังกฤษครองบอลเหนือกว่า แต่ว่าด้วยความที่เป็นรอบตัดเชือก ทุกอย่างเลยออกมาค่อนข้างน่าลุ้น เพราะโอกาสไม่จะแจ้งมากนัก แต่ในทีสุดอังกฤษก็ออกนำไปได้ก่อนตามคาด ด้วยลูกจุดโทษของเคน อีกแล้วอย่างที่คาดไว้ เรียกได้ว่าเค้าเป็นกองหน้าที่เรียกจุดโทษได้อีกมากในฟุตบอลโลก แต่ที่สุดนาทีสุดท้ายก็ต้านไม่ไหวโดนลูกเตะมุมตีเสมอ จนสรุปต้องดวลลูกโทษ ดีที่ได้การซ้อมล่วงหน้ามานับปีของอังกฤษที่เรียกว่าเตรียมตัวกันไม่ให้จนเอาชนะไปได้นั่นเอง