เกมการแข่งขันระหว่างยอดทีมหมายเลขหนึ่ง ของเอเชียบ้านเราอย่างซามูไร ที่มาเล่นฟุตบอลโลกเป็นประจำเเละทำผลงานได้ดีเสมอ ไม่ค่อยทำให้ผิดหวัง ต้องมาเจอกับทีมเเกร่งอย่างโคเคนโคลัมเบีย ซึ่งเป็นขาประจำในฟุตบอลโลกโลกอยู่แล้ว ทำให้เกมเปิดสนามของกลุ่มนี้มีความน่าสนใจว่าทั้งสองทวีปใครจะเเน่กว่าใคร เเละโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของผู้เล่นญี่ปุ่นถ่ายเลือดใหม่ด้วยนักเตะกลุ่ม อายุน้อยแต่ไฟแรงมาเเทนรุ่นพี่ระดับตำนานหลายคน ที่น่าสนใจทีเดียว เกมจะเป็นอย่างไรให้เราไปดูรีวิวกันเลยครับ
วิเคราะห์แทคติก
ในเกมนี้ ญี่ปุ่น จัดทัพด้วยนักเตะเต็มสูบด้วยแผนการเล่นประจำอย่าง 4-2-3-1 ที่ใช้มานานตั้งแต่สมัยฟุตบอลโลกโลกรอบก่อนแล้ว เเละนับว่าเป็นแผนการเล่นตามแบบฉบับทีมพวกยุโรป ไม่ได้เล่นแผน 4-4-2 แบบทีมบ้านเราทั่วไป เเต่ที่ต่างออกไปในแีนี้คือ มีการใช้ตัวจริงอย่างที่ประหลาดใจแฟนฟุตบอลโลกไทยบ้านเรามาก เรียกได้ว่าพอเห็นไลน์อัพตัวจริงบนจอแล้วต้องเกาหัวแกรกๆเลยก็ว่าได้ ยกตัวอย่างเช่น การไม่ใช้งานกองหน้าตัวจริงที่เป็นหมายเลขหนึ่งมาเสมอ อย่าง โอกาซากิ ที่เป็นถึงตัวจริงของทีมใหญ่และดังอย่างเลสเตอร์ ซิตี้ เเชมป์จากลีกอังกฤษ เเละทีมขวัญใจคนไทยเพราะกลุ่มคิง พาวเวอร์เป็นเจ้าของ และเห็นการเล่นประจำทุกสัปดาห์ในจอถายทอดสด. เเต่กลับใช้งานกองหน้าดาวรุ่งอย่าง โอซากุ เเทนตั้งแต่เกมแรก ตำแหน่งหน้าเป้า นอกจากนั้นก็ ยังไม่ให้นักเตะตำนานที่อายุมากเเลวอย่าง เคซึเกะ ฮอนดะ ที่เล่นหลายทีมดังทั่วยุโรปมาแล้ว ลงเป็นตัวจริงด้วย เเต่ให้ดาวรุ่งพรุ่งเเรงอย่างอินุอิ ลงมาทำเกมแทนด้วย. ทางด้านโคลัมเบีย กลับขนกองหน้าระดับโลกลงเป็นตัวจริงอย่าง ราดาเมล เฟาเคา เเถมยังมีนักเตะที่เล่นในลีกยุโรปลงอีกเพียบ เเต่เกมที่ออกมากลับสูสีเหลือเชื่อ ไม่ได้ต่างกันเลย นักเตะญี่ปุ่นครองเกมกดดันได้ จนมามีจุดเปลี่ยนหลังคาร์ลอส ซานเชส มาโดนใบแดงแบบไม่คาดคิดจนเหลือ สิบคน เท่านี้นักเตะหนุ่มไฟแรงจากญี่ปุ่นก็ได้โอกาสแสดงความเหนือกว่า และพิสูจน์แผนการเล่นไม่ผิดพลาดด้วย และในที่สุดตัวสำรองจอมเก๋าอย่างฮินดะลงมาเปิดเตะมุมให้โอซากุดาวรุ่งโหม่งเข้าไป ทำให้จบเกมชนะไปได้ 1-0 ด้วยการเล่นประสานของประสบการณ์กับเลือดใหม่อย่างสวยงาม เเละปีนี้ญี่ปุ่นอาจจะไปได้ไกลอีกก็ได้