รอนานถึง 16 ปีสำหรับฮอลแลนด์ที่ออกนำด้วยฝีมือเฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค เยอรมนีมีลุ้นหลายหนที่จะตีเสมอแต่เมื่อไม่คมพอก็โดนลงโทษเจอเมมฟิส เดปายกับจอร์จินิโอ ไวจ์นาลดุมยิงฝังท้ายเกม กังหันสีส้มกำราบ 3-0 เป็นชัยชนะเหนืออินทรีเหล็กหนแรกนับตั้งแต่ปี 2002 ฮอลแลนด์ส่งดุมฟรีส์ประเดิมตำแหน่งแบ็คขวาในเกมนี้ ขณะที่แดนกลางให้เด รอนมาช่วยเกมรับแล้วแดนหน้าใช้เบิร์กไวจ์นลงเล่นริมเส้นพร้อมให้เดปายขยับมายืนตรงกลาง
การจัดตัวและแผนการเล่น
ส่วนเยอรมนีมีกินเตอร์เป็นแบ็คขวาแล้วให้คิมมิชมายืนแดนกลางช่วยชานกับโครส ด้านแดนหน้าส่งอูธประเดิมสนามด้วย
รูปเกม
เริ่มมาช่วงแรกอาจจะยังไม่มีอะไรมากจนกระทั่งเยอรมนีบุกมาหนนี้ เป็นจังหวะแวร์เนอร์ทำชิ่งควบเข้าเขตโทษถึงบอลก่อนซิลเลสเซ่นแต่ก็ทำได้แค่จิ้มหลุดออกหลัง ฮอลแลนด์ขอลุ้นกับเขาบ้างเป็นฟรีคิกจากทางซ้าย เดปายรับหน้าที่โยนเข้ามาในเขตโทษให้เด ลีกท์ได้โหม่งแต่ยังกระดอนมาให้นอยเออร์รับไม่ยาก สุดท้ายแล้วฮอลแลนด์ได้ออกนำไปก่อนด้วยจังหวะเตะมุม เดปายเป็นคนเปิดมาจากทางขวาแล้วบาเบิลโหม่งได้ดันชนคาน ยังดีที่บอลเด้งลงหน้าประตูให้ฟาน ไดจ์คตามมาโหม่งซ้ำเข้าไป ฮอลแลนด์ออกนำ 1-0 และแล้วก่อนหมดเวลาฮอลแลนด์ก็โล่งเลยเอาประตูที่สองสำเร็จ จุดเริ่มจากกลางสนามเยอรมนีจ่ายเสียเจอโต้กลับโพรเมสทะลุขึ้นมาทางขวาควบพาบอลเข้าเขตโทษ ก่อนจะจ่ายมาให้เดปายตรงกลางจับก่อนยิงนอยเออร์เซฟแล้วยังไม่พอบอลลอยเข้าประตู ฮอลแลนด์ฝังเลย 2-0 ก่อนหมดทดเจ็บฮอลแลนด์ก็มาบวกเพิ่มอีกลูก เริ่มจากบลินด์แย่งบอลได้จ่ายเข้ากลางไวจ์นาลดุมเติมมารับบอลเองตามด้วยการโยกหลบเข้าเขตโทษแล้วกดเรียดเสียบเสาหมดจอ ฮอลแลนด์เฮลั่นชนะ 3-0
สรุปผล
จบเกมฮอลแลนด์เอาชนะ 3-0 แถมเป็นการคว้าชัยเหนือเยอรมนีหนแรกนับตั้งแต่เกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2002
นอกจากนี้ยังเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ที่ฮอลแลนด์เอาชนะเยอรมนีด้วยสกอร์ห่าง 3 ลูกขึ้นไป
ชัยชนะเกมนี้ยังทำให้ฮอลแลนด์ขยับมาเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มมี 3 แต้มส่วนเยอรมนีร่วงไปบ๊วยเก็บได้แค่คะแนนเดียวหลังผ่านไป 2 นัด
{loadposition article-table}