ศึกฟุตบอลU23 พบกับเงื่อนไขของโอกาส นำทีมชาติไทย U23 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ของรายการฟุตบอล AFC U23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 ในครั้งนี้รองแชมป์เก่าของครั้งที่แล้วอย่างประเทศเวียดนาม ได้กระเด็นออกตกรอบทีมแบ่งกลุ่มไปเรียบร้อยอย่างน่าเสียดาย ซึ่งทำให้ทีมชาติไทยมาในฐานะเจ้าภาพการแข่งขันเป็นชาติเดียวที่มาจากภูมิภาคอาเซียนยังเหลืออยู่ถึงในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึกการแข่งขัน AFC U23 ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2020 จัดขึ้นที่ประเทศไทย เมื่อได้ครบ 8 ทีมที่ผ่านเข้าไปลงเล่นในรอบก่อนของรองชนะเลิศแล้ว โดยในส่วนของทัพดาวทองU23 นำมาโดย ปาร์ค ฮัง ซอ ร่วงจากการแข่งขันไม่ถึงฝั่งฝัน ตกรอบแบ่งกลุ่มครั้งนี้ไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งหลังจากพลาดท่าทำคะแนนแพ้เกาหลีเหนือไป 1-2 ในเกมแข่งขันนัดสุดท้าย จึงทำให้ช้างศึกไทยU23 เป็นชาติเดียวที่มาจากภูมิภาคอาเซียน ซึ่งหลงเหลืออยู่เข้ามาในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย
ผ่านมาแล้ว 2 นัด ทีมของช้างศึกไทย U23 มีทั้งหมด 3 คะแนน ได้มาจากการเอาชนะ บาห์เรน 5-0 และ แพ้ ออสเตรเลีย 1-2 เป็นผลทำให้มีคะแนนทั้งหมด 3 คะแนน โดยเป็นรองแค่จ่าฝูงของกลุ่มเท่านั้น ซึ่งจ่าฝูงก็ไม่ใช่ใครเป็นทีมชาติจากออสเตรเลีย ที่มีเพียง 4 คะแนน
โดยกฏของการเข้ารอบสามารถเรียงตามดังนี้
- แต้ม
- เฮดทูเฮด
- ประตูได้เสีย
- ประตูได้
5.แฟร์เพลย์
- จับสลาก
ซึ่งทีมชาติช้างศึกไทย U23 จะพบกับ ทีมชาติอิรัก U23 ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในช่วงวันที่ 14 มกราคม 2563 เวลา 20.15 น. มีการถ่ายทอดสดทางทีวีช่อง 7HD ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มเอ นัดสาม
สรุปตารางคะแนนแข่งขัน 2 นัด กลุ่มเอ
- ทีมชาติออสเตรเลีย 4 คะแนน
- ทีมชาติไทย 3 คะแนน
- ทีมชาติอิรัก 2 คะแนน
- ทีมชาติบาห์เรน 1 คะแนน
หากทีมชาติไทยต้องการที่ผ่าเข้ารอบเพื่อชิงแชมป์จะต้องทำได้ตามเงื่อนไขดังนี้
กรณีที่ 1 ชาติไทย ชนะ ชาติอิรัก
หากจะเข้ารอบในก่อนรองชนะเลิศ และจะต้องเป็นฐานะอันดับ 1 ของกลุ่ม โดยหากผลการแข่งขันอีกคู่ ทีมชาติออสเตรเลีย ไม่ชนะ ทีมชาติบาห์เรน ไทยจะสามารถเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ แต่ในฐานะอันดับที่ 2 ของกลุ่มเท่านั้น แต่ถ้าหากผลอีกคู่ โดยทีมชาติออสเตรเลีย เอาชนะ ทีมชาติบาห์เรน
กรณีที่ 2 ชาติไทย เสมอ ชาติอิรัก
หากจะเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้นั้น ในฐานะอันดับที่ 1 ของกลุ่ม โดยหากผลอีกคู่ ชาติบาห์เรน ชนะ ชาติออสเตรเลียได้ โดยต้องด้วยผลการแข่งขันต่างประตูไม่เกิน 10 ประตูเท่านั้น
หากจะเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้นั้น ในฐานะอันดับที่ 2 ของกลุ่ม โดยหากผลอีกคู่ ชาติออสเตรเลีย ชนะ และไม่แพ้ ชาติบาห์เรนเท่านั้น
กรณีที่ 3 ชาติไทย แพ้ ชาติอิรัก
หากทีมชาติไทยแพ้อิรัก ก็จะตกรอบในทันที
ทั้งนี้ หากสามารถเข้ารอบได้ในฐานะอันดับ 1 ของกลุ่มชาติไทย ก็จะลงสนามแข่งขันในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งจะเป็นการพบกับ ทีมอันดับที่ 2 ของกลุ่มบี โดยจะจัดการแข่งขันขึ้นในวันที่ 18 มกราคม 2563 เวลา 20.15 น. ณ ราชมังคลากีฬาสถาน
แต่หากทีมไทยสามารถเข้ารอบเป็นอันดับที่ 2 ของกลุ่มได้นั้น ก็จะได้ลงสนามแข่งขันในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งจะเป็นการพบกับ ทีมอันดับที่ 1 ของกลุ่มบี การแข่งขันมีขึ้นในวันที่ 18 มกราคม 2563 เวลา 17.15 น. ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต
ทีมช้างศึกไทย U23 จะเข้ารอบตัดเชือกในทันที หากว่าเกมในนัดสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นของรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาทีมชาติไทยไม่แพ้อิรักเท่านั้น
รายชื่อนักเตะตัวจริงที่จะทำการลงแข่งขันที่จะแข่งกับอิรัก
ทีมชาติไทย : กรพัฒน์ นารีจันทร์ (GK), พีฬาวัช อรรคธรรม, ศฤงคาร พรมสุภะ, ทิตาวีร์ อักษรศรี, ทิตาธร อักษรศรี, กานต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์, วิศรุต อิ่มอุระ, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ,ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา , เบนจามิน เจมส์ เดวิส
ทีมชาติอิรัก : อาลี คาดิม ฮาดี้, มุสตาฟา มาสลูคี, นาจ ชวาน, อับดุลลาบบาส อายัด, มูรัด ซูเบห์, อาลี กาซิม, โมฮัมเหม็ด นาสซีฟ, โมฮัมเหม็ด ริดาห์, อลา อัล ฮามาดานี่, ซาเด็ค ซามิล, โมฮัมเหม็ด เมเซอร์
ผลการแข่งขันปรากฏว่า เมื่อเริ่มครึ่งหลังในนาทีที่ 49 นายโมฮัมเหม็ด กาซิม มาจากทีมชาติอิรัก สามารถทำประตูตีเสมอได้ที่ 1-1 และเมื่อเวลาเดินมาถึงในนาทีที่ 83 นายเจริญศักดิ์ ทำการเปิดบอลไปให้ทางนายศฤงคาร เขาทำการโขกหน้าประตู แต่ว่าบอลมันกระฉอกฉีกออกไปอีกครั้ง ต่อมาในนาทีที่ 90 มีการทดเวลาบาดเจ็บทั้งหมด 4 นาที ครั้งนี้ทีมจากอิรัก บุกหนักมากในช่วงสุดท้าย และหมดเวลาลงทีมชาติไทยสามารถตีเสมอทีมชาติอิรัก ไปได้ที่ 1-1 ซึ่งส่งผลให้ทีมชาติไทยนั้นสามารถ “เข้ารอบทันที” มาในฐานะของรองแชมป์กลุ่มเอ ตามหลังเพียง ทีมชาติออสเตรเลีย แชมป์กลุ่มเอเท่านั้นเอง ซึ่งเสมอกับทีมของบาห์เรน 1-1 และการแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยด้วย