เกมการแข่งขันระหว่างยอดทีมที่มีสิทธิ์จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกให้ได้อีกครั้งเหมือนปี 1998 อย่างฝรั่งเศสที่มาปีนี้นับว่ามียอดดาวรุ่งนักเตะและสตาร์ค่าตัวแพงระยับมากที่สุดรวมกันในทีมจึงถือได้ว่าถือไพ่เหนือกว่าออสเตรเลียอยู่มากโข ไม่เพียงแค่นั้นพวกเค้ายังมีดาวรุ่งที่ทั้งโลกรอจับตามองฟอร์มการเล่นอย่าง เอ็มปัปเป้ จากทีมปารีสที่แจ้งเกิดเต็มตัวแล้ว และยังมมีว่าที่กองหน้าทีมผีแดงอย่าง กริซซ์มัน ที่พร้อมะจับคู่กันยิงประตูกระจายให้สะใจแฟนบอลด้วย ในเกมนี้ถือว่าเป็นการคุมทีมทัวร์นาเม้นใหญ่ของ โค้ชดิดิเย่ เดอช็องส์ของฝรั่งเศสครั้งแรกด้วย หลังจากที่เค้าแสดงฝีมือใช้ได้มาแล้ในรอบคัดเลือก ส่วนออสเตรีเลียนั้นทุกคนฟันธงว่าน่าจะตกรอบแรกแน่นอน เกมจะเป็นอย่างไรให้เราไปดูรีวิวกันเลยครับ
วิเคราะห์แทคติก
ในเกมนี้ ฝรั่งเศสเป็นทีมเต็งจึงจัดทีมลงด้วยการผสมสตาร์ลงครบจนล้นทีมด้วย แผนการเล่นแบบรอบคัดเลือกคคือ 4-3-3 ให้ก็องเต้ จากเชลซีเป็นตัวกลางรับคอยเป็นกระดูสันหลังของทีมและให้ป็อกบาจากผีแดงเป็นตัวทำเกมขนาบด้วยโตลิซโซ่ และที่น่าสนใจกองหน้านั้น เดมเบเลีเบียดชิรูด์ลงเล่นทำให้หน้าเป้าไม่มีกองหน้าเบบใหญ่เก็บบอล ทั้งๆที่เจอกับออสเตรเลียที่ขึ้นชื่อว่าเล่นโดยใช้กำลังและขนาดเป็นหลัก นั่นทำให้พวกเค้าแม้จะได้ครองบอลเยอะและแย่งบอลมาได้เยอะ เพราะว่าออสเตรเลียขนาดเทคนิคและทักษะกว่าอยู่แล้ว นั่นส่งผลให้พวกเค้าครองเกมได้อย่างดีและส่งบอลเข้าไปในเขตโทษ 18 หลาได้บ่อยกว่าจนได้ประตูนำไปก่อนด้วยบอลทะลุช่องตัดหลังจนได้จุดโทษ แต่ก็เสียดายที่มาเสียจุดโทษคืนให้ทันควันจากจังหวะเสียสมาธิให้ไปหน่อย หลังเกมกลับมาเสมอกันแล้ว ฝรั่งเศสก็ตั้งสติแล้วโหมบุกต่อ ที่จริงต้องชมแบ็คขวาและซ้ายทั้งสองข้างที่แม้จะเป็นนักเตะใหม่ ทั้งคู่อย่างปาวาร์ดและเฮนันเดซ แต่ก็ทำได้ดีทั้งเกมรับและรุก ส่งผลให้ฝรั่งเศสไม่ต้องกังวลกับการสวนกลับของออสเตรเลียเท่าไร แต่คนที่ต้องชมมากที่สุดเกมนี้คงหนีไม่พ้น ยอดกองกลางค่าตัวแพงสุดในโลกอย่างป็อกบา เพราะว่าพวกเพื่อนๆหวังพึ่งเค้าและกลายเป็นจุดศูนย์รวมของเกมบุกและการคุมจังหวะอย่างแท้จริง เพราะว่าด้วยรูปร่างกำยำสูงใหญ่พอฟัดพอเหวี่ยงกับออสเตรเลีย แต่ทักษษที่ดีกว่าทั้งการจ่ายและเลี้ยงบอล ทำให้เค้าโดดเด่นอย่างมาก และก็เป็นเค้านี่แหละที่ทำชิ่งจนหลุดเข้าไปในเขตโทษเองยิงอย่างสวยงามจนทำประตูชัยได้ในที่สุด ดังนั้นสรุปแล้วจะเห็นว่า ฝรั่งเศสยังจูนกันไม่เต็มที่นักแต่สตาร์ในทีมพร้อมจะทำอะไรที่ไปได้ไกลแน่ๆบอลโลกปีนี้