เกมการแข่งขันระหว่างยอดทีมในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ถ้าจะเรียกว่ารอบแรกมีคู่ไหนที่แข่งกันใหญ่ที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นกลุ่มบี นี้แหละที่ ไม่ทันไรทีนับได้ว่าเอาคู่ชิงมาชนกันชัดๆ เพราะว่าสเปน กับ โปรตุเกสต้องเจอกันในเกมแรกเพื่อแย่งแชมป์กลุ่มกัน ที่สำคัญสเปนผ่านการคว้าแชมป์โลกมาครั้งล่าสุดในปี 2010 ที่ผ่านมานี้เองและยังเป็นฐานะแชมป์ยูโรในปี 2012 อีกด้วย เมื่อสี่ปีที่แล้ว และสองปีที่แล้ว สเปนจึงนับว่าเป็นทีมหัวแถวของโลกที่มีการเล่นคงเส้นคงวามากที่สุด แต่ทว่าที่ไม่แพ้กันก็คือโปรตุเกสนี่แหละที่มาในฐานะแชมป์เก่าของบอลยูโร 2016 ที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ ด้วยการเป็นทีมของดารานักเตะที่เก่งที่สุด และดังที่สุดในยุคนี้อย่าง คริสเตียโน โรนัลโด การคาดหวังแชมป์บอลโลกของทั้งสองทีมก็ไม่ไกลเกินไปแน่นอน นี่จึงนับว่าเป็นเกมที่น่าสนใจ และต้องมีการวางแผนและแทคติคลึกซึ้งแน่นอน ที่จริงแล้วผลการแข่งขันที่จบลงอย่างสะใจคนทั้งโลก 3-3 ก็เห็นได้ชัดว่าสูสีและมีความันดุเดือดแค่ไหน เกมจะเป็นอย่างไรให้เราไปดูรีวิวกันเลยครับ
วิเคราะห์แทคติก
ในเกมนี้ ฝ่ายสเปนก่อนเรียกได้ว่าโค้ชใหม่อย่าง โลปีเตกีนั้นใช้แผนการเล่นที่สเปนใช้มายาวนาน คือการครองบอลอันเป็นจุดเด่นของสเปนเพราะว่าจอมเทคนิคในทีมมากมายที่มีทุกสมัยเต็มทีมทำให้ พวกเค้าเหนือกว่าในการเก็บบอล จ่ายบอลสั้นไปมา ให้คู่แข่งแย่งไม่ได้ คล้ายกับทีมบาร์ซ่านั่นเอง และเกมนี้ เค้าใช้ อิสโก้ เป็นตำแหน่งด้านข้างของ 4-2-3-1 แบบไม่มีปีก แต่เป็นตัวทำเกมสลับไปมาแทน สังเกตกองหลังคู่เซ็นเตอร์เป็น รามอสกับปิเก้ ที่ใช้การจ่ายบอลจากแดนหลังช้าๆไม่มีโฉ่งฉ่างแน่นอน และยังมีบุสเก็ตเป็นฐานกองกลางตัวรับเริ่มสร้างเกมและตัดเกมด้วย แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ กองหน้าเป้านั้น กลับเป็นดิเอโก้ คอสต้า จอมเก๋าขาโหดที่เล่นหน้าแบบดุดัน เก็บบอล ลูกโด่งและเข้าปะทะ คนละไสตล์กันเลยกับแผนกอื่นของทีม นี่ทำให้สเปนครบเครื่องอย่างมาก และยิงไปก่อน ถึง 2 ลูกด้วยความสามารถเอาชนะกองหลังของคอสต้าเพรียวๆ ทำให้สเปนมีอาวุธครบทุกแบบ แต่ที่ไม่ได้คาดคิดคือ โปรตุเกสที่มาในระบบ 4-4-2 นั้น มีโรนัลโดมาด้วย และพกฟอร์มเปรี้ยงอย่างไม่คาดคิด ยิงแฮททริก 3 ลูกตีเสมอให้คนเดียวด้วยความสามารถแทบจะเฉพาะตัวและแถมมีฟรีคิ้กแบบหมดสิทธิ์เซฟด้วย ดังนั้นการเล่นของเสปแทบจะถูกยกเลิกไปเลย
และที่ไม่คาดคิดสุดท้ายคือการพลาดของ เดเกีย นายประตูที่ปล่อยบอลแม้จะยิงดีแต่กลับพลาดง่ายๆให้บอลกลิ้งเข้าประตูไปทำให้สเปนปีนี้อาจจะไปไม่ไกลแบบที่คิดได้