ทุกวันนี้เมื่อเราชมฟุตบอลกันทางทีวีถ่ายทอดสด มักจะได้ยินคำๆหนึ่งของนักพากษ์บอลสดที่กำลังบรรยายเกมสดอย่างเมามันพูดบ่อยๆคือคำว่า “จอดรถบัส” หรือวลีที่ Commentator ฝรั่งเสียงในฟิล์มจากอังกฤษใช้คำว่า “Park the Bus” บ่อยๆออกอากาศโดยเฉพาะในการวิเคราะห์เกมช่วงพักเบรก นี่ทำให้แฟนๆหลายคนตามไม่ทันว่า มันแปลว่าอะไร หรือหมายถึงวิธีการทางแทคติกอย่างไรในเกมฟุตบอลกันแน่ วันนี้ให้เรามาตอบคำถามนี้กันในเบื้องลึกกันเลย และมั่นใจว่าความรู้ในบทความนี้ จะช่วยให้มีเบื้องลึกด้านการอ่านเกมและดูบอลอย่างลึกซึ้งขึ้นแน่นอน
ที่มาของคำว่า “Park the Bus”
แรกสุดขอให้นึกภาพรถบัสหรือรถเมลบ้านเราก่อน เมื่อเราเห็นก็ทราบทันทีว่าความยาวและความสูงขนาดนั้น แน่นอนต้องยาวกว่าประตูในสนามฟุตบอลที่มีขนาดประมาณ 7.2 x 4.4 เมตรเท่านั้นแน่นอน เพราะฉะนั้นในบ้านเมืองอังกฤษแฟนบอลได้เห็นได้ใช้ยานพหนะชนิดนี้อย่างคุ้นเคยเป็นประจำ จนได้ยกเอามาเปรียบเทียบกับ การเล่นเกมรับแบบสุดลิ่มทิ่มประตูในเกมฟุตบอลนั่นเอง ทีนี้ความหมายทางด้านฟุตบอลของคำว่า จอดรถบัสขวาง จึงหมายความว่า การเล่นเกมรับแบบสุดโต่ง (Ultra) ที่ต้องใช้นักเตะเกือบทั้งทีมพร้อมๆกันตั้งรับ และปล่อยให้คู่แข่งได้ครองบอลมากกว่า ตามใจชอบเลย เพื่อแลกกับ พื้นที่ประมาณ 3 ส่วนนับจากกลางสนามของฝั่งตัวเอง พูดง่ายๆคือให้นึกภาพตามว่า ทั้ง 11 คน ถอยร่นลงมาตั้งรับเป็นชั้นๆ ทันทีที่คู่แข่งผ่านครึ่งสนามมา ก็จะแทบเรียกได้ว่าไม่เห็นใครเลย แต่พอมองไปข้างหน้าก็จะเห็น ฝั่งตรงข้ามยืนกันเป็นพรืด พอดูสีเสื้อที่เหมือนกันเป็นแนวแล้ว ก็คล้ายกับรถบัสทั้งคันกำลังขวามประตูอยู่นั่นเอง
จะเล่นแบบ“Park the Bus” ต้องทำอย่างไร
อย่างแรกสุดต้องเข้าใจก่อนทั้งโค้ชและนักเตะว่า การเล่นอุดแบบจอดรถบัสนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะในเกม เพราะว่าเมื่อไม่มีนักเตะในเกมรุก ก็มีโอกาสน้อยลงที่จะยิง และตามมาด้วยโอกาสชนะน้อยลง แต่ว่าอาจจะหวังได้แค่จากการสวนกลับเท่านั้น จึงเหมาะกับทีมที่ต้องการผลเสมอหรือเป็นรองอย่างมาก และหากเข้าใจตรงกันแล้ว ก็เริ่มด้วยการ ตั้งสติและสมาธิในใจนักเตะก่อน เพราะว่าทุกคนที่ตั้งรับจะต้องมีความอดทนและคุยกันบ่อยๆให้มากๆในสนามเรื่องการจัดระเบียบยืนตำแหน่ง หลังจากนั้นให้ปีกทั้งสองข้างในระบบ 4-4-2 หรือ 4-2-3-1 ถอยลงมาให้เป็นเหมือนแผงกองหลัง แนวระนาบชั้นที่ 2 ซ้อนกันทั้งปีกจนถึงกองกลางรวมทั้งเพลย์เมกเกอร์ ที่สำคัญคือทั้งหมดต้องยืนชิดกันไม่เหมือนแผนปกติ เพื่อลดช่องว่างระหว่างกองหลังและกองกลาง (ที่ตอนนี้เหมือนเปลี่ยนมาเป็นกองหลังแล้ว) จนทำให้การผ่านบอลของคู่แข่งนั้นยากขึ้น และเมื่อคู่แข่งเลี้ยงบอลผ่าน หรือแทงบอลทะลุช่องก็จะมีตัวที่ 2 หรือ 3 เข้ามาซ้อนทันทีนั่นเอง