พรีเมียร์ลีก เกมรีวิวนัดนี้ หงส์แดงต้องกับทีมโคตรแชมป์ไร้พ่ายด้วยกันแบบเรือใบสีฟ้าว่า ใครจะแน่กว่ากัน มาเจอกัน การวัดกันครั้งแรกรอบนี้น่าสนใจมาก
การจัดตัวและแผนการเล่น
ลิเวอร์พูลแพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2003 โดยหลังจากนั้นเป็นการชนะ 12 และเสมอ 5 นัดแต่ฟอร์มพวกเขาแกว่งไป 3 เกมหลังไม่ชนะใครทว่าก็มีข่าวดีเมื่อนาบี เกอิต้าเรียกความฟิตกลับมาเป็นสำรอง โดยตำแหน่งกองหลังมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยถอนเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ที่ฟอร์มหลุดไปแล้วเอาโจ โกเมซโยกมาแทนทำให้เดยัน ลอฟเรนได้เสียบเซ็นเตอร์แทนขณะที่แดนหน้ายังเหมือนเดิม นอกจากนั้นพวกเขากำลังทำสถิติไม่เสียประตูในบ้าน 9 เกมติดต่อกันยาวนานเป็นอันดับ 2 ต่อจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อปี 1994 ที่ทำไว้ 12 นัด
ด้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ยังไม่มีเควิน เดอ บรอยน์ที่กลับมาซ้อมแล้วแต่ไม่ฟิตพอทำให้แบร์นาร์โด้ ซิลวาได้เสียบตำแหน่งนี้โดยริยาด มาห์เรซได้ออกสตาร์ตก่อนเลรอย ซาเน่โดยมีเซร์คิโอ อเกวโร่และราฮีม สเตอร์ลิ่งในแนวรุก
รูปเกม
การจบเกมครั้งแรกของเกมเป็นของลิเวอร์พูลเมื่อซาลาห์รับบอลต่อจากการโขกมาของโกเมซก่อนเกี่ยวหนีสโตนส์เข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วซัดด้วยซ้ายเล็งเสาแรกแต่ก็หลุดออกหลังไป แมน ซิตี้โวยวายจะเอาจุดโทษเริ่มจากโกเมซเตะมั่วมาเข้ากรอบเขตโทษตัวเองอเกวโร่จับได้ก่อนโดนลอฟเรนเตะด้านหลังไม่เต็มเท่าไหร่แล้วดาวยิงอาร์เจนไตน์พยายามลุกขึ้นมาเล่นต่อก็ไม่ได้แล้วกรรมการไม่เป่าให้เป็นการฟาวล์ ความมั่นใจหายหมดจริงๆสำหรับซาลาห์จังหวะนี้ได้สวนกลับเร็วโรเบิร์ตสันแทงบอลยาวไปให้ปีกอียิปต์สปีดไปเอาบอลก่อนเมนดี้แล้วเห็นเอแดร์สันออกมาไกลเลยยิงทันทีแต่ก็ซัดข้ามคานไปไหนไม่รู้ แมน ซิตี้มาได้จุดโทษจนได้จากจังหวะที่ซิลบาแทงบอลทะลุช่องให้ซาเน่หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วฟาน ไดจ์คไม่มีทางเลือกพุ่งมาเสียบล้มลงไปกรรมการเป่าทันทีแล้วเป็นมาห์เรซรับอาสายิงเต็มแรงบอลข้ามคานออกไปแบบไม่น่าเชื่อเป็นการพลาด 4 จาก 6 ครั้งหลังสุดของเขาแล้วด้วย
สรุปผล
รีวิววิเคราะห์ พรีเมียร์ลีก เกมนี้เรียกว่าเกือบตายมากๆสำหรับหงส์แดง ในบรรดาทุกเกมตั้งแต่แข่งมา แต่ก็ไม่ตาย เรียกว่า มีฟอร์มของแชมป์มากๆ ส่วนเรือใบก็ยังนิ่งเหมือนเดิม
{loadposition article-table}